รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเสนอนายกฯ เปลี่ยนจากซื้อเรือดำน้ำ เป็นซื้อปุ๋ยจากจีนแทน เชื่อปีนี้คนสมัครทหารเยอะ มั่นใจปีหน้าแทบไม่ต้องเกณฑ์ ยันกองทัพพร้อมลดจำนวนกำลังพล
วันที่ 9 กันยายน 2566 เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมงานเสวนานำเสนอและรับฟังรายงานความมั่นคงไทยในระเบียบโลก ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต
ช่วงหนึ่งในการเสวนา นายสุทิน ได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเรือดำน้ำ ว่า รัฐมนตรีที่มาจากพลเรือนจะมองคนละแบบ ต้องดูว่าเรือดำน้ำมีความจำเป็นแค่ไหน หากมีอย่างอื่นทดแทนได้ จะมีอะไรทดแทน หากรับไม่ได้ว่าจำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์จากจีนมาใส่ รัฐบาลอาจต้องช่วยกระทรวงกลาโหมเจรจาด้วย เพื่อให้ได้เครื่องยนต์จากเยอรมัน แต่จะทับซ้อนกับปัญหายุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี ที่กำลังขัดแย้งกับจีน ถ้าใช้แนวทางนี้ปัญหาก็อาจไม่จบ
นายสุทิน ยังเสนอแนวทางเปลี่ยนจากเรือดำน้ำเป็นเรือผิวน้ำ ซึ่งกองทัพเรือได้รับฟังแนวทางนี้ก็ไม่ขัดข้อง เพราะเห็นว่า หากสามารถหาเรือผิวน้ำมาทดแทนเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางไปได้ก็เป็นเรื่องดี
“หรืออาจจะแก้สัญญากับจีน เปลี่ยนสัญญาจากเรือดำน้ำเป็นการนำเข้าปุ๋ยจากจีน เทียบราคากับเรือดำน้ำ ราคาหมื่นกว่าล้าน ได้ปุ๋ยเท่าไร เกษตรกรจะได้ปุ๋ยฟรี ปุ๋ยถูก ซึ่งทางกองทัพรับฟังแล้ว ก็คิดว่าไม่ติดใจ และแนวทางนี้สังคมน่าจะยอมรับได้”
พร้อมชี้แจงเพิ่มเติมว่า แนวคิดที่ยกตัวอย่างมานั้นเพื่อสนับสนุนหลักคิดทางวิชาการ โดยแนวทางเปลี่ยนการซื้อเรือดำน้ำเป็นการนำเข้าปุ๋ยจากจีน ยังไม่ได้หารือกับกองทัพเรือ แต่เท่าที่รับฟังแล้วกองทัพไม่ได้ติดใจ เพราะแล้วแต่รัฐบาลจะตัดสินใจ
“เราแลกเปลี่ยนกันแล้ว สมมติว่าเปลี่ยนประเภท ไม่เอาเรือดำน้ำ เปลี่ยนเป็นเรืออย่างอื่น แล้วถ้าเงินยังเหลือ ขอให้แถมมาเป็นปุ๋ย เป็นแนวทางที่ผมกำลังศึกษา และเตรียมจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรี”
นอกจากนี้ นายสุทิน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าถึงนโยบายการยกเลิกเกณฑ์ทหารว่า ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันอีก แต่คิดว่าเป็นช่องทางที่ดี เชื่อว่าในปีนี้คนจะสมัครเยอะ และมั่นใจว่าปีหน้าแทบจะไม่ต้องเกณฑ์ จากมาตรการที่เราได้คิดไว้ ส่วนจะลดเหลือเท่าไรนั้น เพราะอย่างรอบล่าสุดก็ 9 หมื่นคน ยังเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะอยู่ นายสุทิน บอกว่า กองทัพพร้อมจะลด แต่ลดเท่าไรต้องไปดูกัน และพอปรับลดแล้ว ต้องมาปรับสวัสดิการ ปรับความหวาดระแวงหรือทัศนคติที่ชาวบ้านกลัว ซึ่งนโยบายนี้จะเป็นนโยบายแรกที่จะเห็นชัดที่สุดของกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพมีนโยบายการปฏิรูปทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งเรื่องเป็นระยะสั้นจะทำทันที ทั้งลดทหารเกณฑ์หรือกำลังพล ทั้งการปฏิรูปครบวงจนก็จะมีตามมา พร้อมยังบอกอีกว่า วันที่ 23 กันยายนนี้ เข้ากระทรวงก็ค่อยไปรับฟังกัน
เมื่อถามว่า จะมีนโยบายควบคุมกรณีทหารอาจจะไปสนับสนุนผู้มีอิทธิพลหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นนโยบายที่กองทัพจะต้องควบคุมกำลังพลให้อยู่ในวินัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมมองว่า จริงๆ เป็นหน้าที่กระทรวงมหาดไทย แต่กระทรวงกลาโหมพร้อมสนับสนุนภารกิจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กรณี กำนันนก นายสุทิน ตอบสั้นๆ ว่า “เท่าที่ทราบตอนนี้ยังไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม”